August 18, 2025
แบตเตอรี่ รถยนต์เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรอง ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าจากไดชาร์จ และจ่ายไฟให้กับส่วนประกอบไฟฟ้าทั้งหมดของรถ ช่วยให้รถของคุณสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นเราจึงควรตรวจเช็คแบตเตอรี่เป็นประจำหรือก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง ซึ่งแบตเตอรี่แต่ละประเภทจะมีวิธีการเช็คแบตเตอรี่ ที่ต่างกัน ดังนี้
• แบตเตอรี่แห้ง SEALED MAINTENANCE FREE ( SMF )
แบตเตอรี่แห้ง คือ แบตเตอรี่ที่มีการออกแบบฝาแบตเตอรี่ปิดสนิท ไม่มีจุกสำหรับเติมน้ำกลั่น ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน โดยจะออกแบบตาแมวไว้สำหรับเช็คสถานะของแบตเตอรี่ ดังนี้
- สีเขียว = แบตเตอรี่มีไฟปกติ
- สีดำ = ไฟอ่อน ต้องทำการรีชาร์จไฟ
- สีขาว = น้ำกลั่นแห้ง ที่อาจเกิดจากแบตเตอรี่ถูกชาร์จไฟเกินความจำเป็นเวลานาน ๆ หรือที่เรียกว่าอาการ Overcharge ของแบตเตอรี่
• แบตเตอรี่กึ่งแห้ง MAINTENANCE FREE (MF)
แบตเตอรี่กึ่งแห้ง คือ แบตเตอรี่ที่ได้รับการออกแบบให้มีปริมาณน้ำกรดในความเข้มข้นที่เหมาะสมและมีอัตราการระเหยที่สมดุล ลดการสูญเสียน้ำกลั่น แบตเตอรี่ประเภทนี้มีคุณสมบัติอยู่ระหว่างแบตเตอรี่แบบน้ำและแบตเตอรี่แห้ง ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ โดยเช็คน้ำกลั่นทุก 3-4 เดือน หรือ 25,000 – 30,000 กิโลเมตร และมีตาแมวไว้สำหรับเช็คสถานะของแบตเตอรี่ ดังนี้
- สีเขียว = แบตเตอรี่มีไฟปกติ
- สีขาว = ไฟอ่อน ต้องทำการรีชาร์จไฟ
- สีแดง = น้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่นทันที
• แบตเตอรี่น้ำ MAINTENANCE FREE (CV)
แบตเตอรี่น้ำ คือ แบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน ต้องดูแลน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ โดดเด่นในเรื่องความทนทานต่อความร้อนจากเครื่องยนต์ และเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานหนัก โดยมีวิธีเช็คแบตเตอรี่เบื้องต้น ดังนี้
- วิธีเช็คน้ำกลั่น สำหรับแบตเตอรี่ใหม่ควรเช็ค 3-4 เดือน หรือ 10,000 -15,000 กิโลเมตร
- สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้งานหนัก หรือใช้มาได้สักระยะหนึ่ง ควรตรวจเช็คทุก ๆ เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร
- โดยให้สังเกตุได้จากระดับน้ำกลั่น หากระดับน้ำกลั่นอยู่ตรงขีดล่าง (เส้น Lower) ควรทำการเติมน้ำกลั่นทันที
- การเติมน้ำกลั่นให้ระดับน้ำกลั่น อยู่ระหว่าเส้น Lower กับ Upper หากเติมน้ำกลั่นเกินเส้น Upper เวลาใช้งานน้ำกรดจะเดือด ทำให้น้ำกรดค่อยๆ ล้นออกมา กัดสีรถ ตัวถังรถยนต์
ถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ แต่ไม่รู้จะเลือกรุ่นไหนดี วันนี้ ค็อกพิท ขอแนะนำ 3 แบรนด์แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่ ลูกใหม่ของคุณ
1. แบตเตอรี่ GS
แบตเตอรี่ GS เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีคุณภาพมาตรฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีแบตเตอรี่ให้เลือกหลายแบบ สำหรับรถญี่ปุ่น รถยุโรป รถกระบะ รถยนต์ไฮบริด โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- แบตเตอรี่กึ่งแห้ง (Maintenance Free) โดดเด่นเรื่องการผสานคุณสมบัติจากตะกั่วแคลเซียมที่ลดการสูญเสียน้ำกลั่นได้ดี ลดภาระการดูแลน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน* สะดวก ใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์รถใช้ในเมืองรถใช้งานประจำวัน วิ่งไม่เกิน 90 กม./วัน เช่น รถเก๋ง รถกระบะ รถ SUV
- แบตเตอรี่ไฮบริด (Hybrid) ด้วยคุณสมบัติเด่นเสริมความอึดทนให้ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับรถใช้งานหนัก รถกระบะใช้งานเชิงพาณิชย์ งานขนส่ง
- แบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น (Conventional) แบตเตอรี่แบบน้ำหรือแบตเตอรี่ประเภทเติมน้ำกลั่นนั้นเอง ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่มีมานาน โดดเด่นในเรื่องทนความร้อนจากเครื่องยนต์ จึงตอบโจทย์กลุ่มรถใช้งานหนัก สำหรับรถที่วิ่งเกินวันละ 90 กิโลเมตรต่อวันขึ้นไป อย่างเช่น รถบรรทุก รถบัส และรถทัวร์ เป็นต้น
2. แบตเตอรี่ PUMA
แบตเตอรี่ PUMA เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าเชื่อถือ ด้วยจุดเด่นในด้านความทนทานและประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์ในทุกสภาพอากาศ มีเทคโนโลยีการผลิตที่เน้นความปลอดภัยและการบำรุงรักษาน้อย
- แบตเตอรี่ PUMA เป็นแบตเตอรี่ระบบปิด (Sealed Maintenance Free) ทำให้ไม่ต้องคอยดูแลเรื่องการเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งานและไม่มีการรั่วไหลของน้ำกรด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสนิมของตัวถังรถยนต์
- ออกแบบให้มีระบบฝาแบบพิเศษ ทำให้สามารถป้องกันปัญหาการรั่วไหลของไอน้ำกรดและรักษาการสูญเสียไอน้ำกรด จึงไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งานโดยมาตรฐาน General Motors (USA)
- ออกแบบแผ่นธาตุ ที่ให้มีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
3 แบตเตอรี่ MF power
แบตเตอรี่ MF Power เป็นแบรนด์ที่เน้นความทนทานและมีประสิทธิภาพสูง โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ระบบปิด (Sealed Maintenance Free) ทำให้ตลอดอายุการใช้งานไม่ต้องคอยดูแลเรื่องน้ำกลั่น มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ ดังนี้
- ขั้วแบตเตอรี่เกิดจากการหล่อในกระบวนการผลิตซึ่งมีผลช่วยให้ ปัญหาการรั่วไหลของน้ำกรดบริเวณขั้วหมดไป
- ได้รับการออกแบบพิเศษ ให้มีขนาดพื้นที่ในการบรรจุน้ำกรดที่มากกว่าแบตเตอรี่ทั่วๆไป ทำให้มีความสามารถในการทนทานต่อการใช้งานในสภาวะที่อุณหภูมิสูงได้ดี
- มีแผ่นใยพิเศษช่วยป้องกันการหลุดร่อนของสารเคลือบแผ่นธาตุ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวมากขึ้น 20-30%
- แผ่นธาตุผลิตด้วยกระบวนการรีดความหนาแน่นสูง และด้วยส่วนผสมพิเศษ ทำให้แผ่นธาตุมีคุณสมบัติในการทนต่อการกัดกร่อนและมีการสูญเสียไอน้ำกรดต่ำมาก
การเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์มีความแตกต่างกันตามประเภทของการใช้งานรถยนต์ ดังนั้นอ่านคู่มือประจำรถอย่างละเอียด หรือแวะมาที่ ค็อกพิท เรามีรุ่นแบตเตอรี่ที่รองรับรถหลากหลายประเภทที่พร้อมให้บริการ
การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำ เสี่ยงต่อแบตเตอรี่รถเสื่อมไวจริงไม่? คำตอบคือ ใช่! เนื่องด้วยการสตาร์ตรถหนึ่งครั้ง จำเป็นต้องใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์เริ่มทำงานได้อย่างสมบูรณ์ หากผู้ขับขี่ใช้รถเพียงระยะสั้นๆ เป็นประจำ ทำให้แบตเตอรี่ไม่ได้รับการชาร์จไฟใหม่ที่เพียงพอ หากแบตเตอรี่ไม่ได้รับการชาร์จไฟอย่างเหมาะสม จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวกว่าที่ควร สามารถติดตาม อ่านต่อได้ที่บทความ “การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำ เสี่ยงทำให้แบตรถเสื่อมไวจริงหรือไม่?”
เราเป็นศูนย์บริการรถยนต์ที่ตอบโจทย์ เชี่ยวชาญเรื่อง แบตเตอรี่รถยนต์ และให้บริการราคาแบตเตอรี่รถยนต์ ที่เหมาะสม ไม่ต่างจากร้านเปลี่ยนแบตรถยนต์โดยเฉพาะ และเรามีเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมช่างผู้ชำนาญงาน ที่จะช่วยดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ตรวจเช็คความปลอดภัยเบื้องต้น พร้อมตรวจเช็คครอบคลุมชิ้นส่วนและอะไหล่สำคัญ ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจ และมั่นใจทุกครั้งเมื่อนำรถมาเข้ารับบริการซึ่งเราจะให้บริการด้วยเวลาที่เหมาะสมจากบริการที่รวดเร็ว ราคาที่เหมาะสม และคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ
ค้นหาศูนย์บริการใกล้บ้าน https://www.cockpit.co.th/stores
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แบบคนกันเองได้ที่ Call center 1369
#คุ้มครบไวอุ่นใจที่ค็อกพิท
"คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท"
Copyright © 2025 Bridgestone Sales (Thailand) Co.,Ltd. All Right Reserved.